นี่คือ เรื่องขำ ขำ แต่ไม่ค่อยขำ ผมในฐานะเภสัชกรคนหนึ่ง ถูกสอนให้ใส่ใจในรายละเอียดเรื่องยา แม้กระทั่งการเรียกชื่อยาแต่ละกลุ่ม
เรื่องมีอยู่ว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอคำปรึกษาเรื่องการใช้ยาที่ร้านขายยาที่ผมปฏิบัติหน้าที่อยู่ เธอได้เล่าว่า ไปซื้อยาที่ร้านขายยาอีกแห่ง ได้รับยามา 1 อย่าง เธอรับประทานยามา 3 วันแล้ว อาการของเธอก็ยังไม่หาย ผมจึงให้เธอเล่าอาการที่เธอเป็นอยู่อย่างละเอียด
เธอเล่าว่า เมื่อ 3 วันที่แล้วขณะที่เธอกำลังตกแต่งบ้าน ข้าวของกระจัดกระจายเต็มบ้าน เธอสะดุดของที่วางอยู่บนพื้นทำให้ล้มลงหัวเข่ากระแทกพื้นอย่างแรง หัวเข่าอักเสบ บวม จึงไปซื้อยาที่ร้านขายยาแห่งหนึ่ง ทางร้านจัด " ยาแก้อักเสบ " โดยจัดให้เธอรับประทาน 5 วัน และนี่ก็เข้าวันที่ 3 แล้ว ทำไมเธอยังไม่หาย และไม่มีอาการดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
อยากรู้มั้ยครับว่า เพราะอะไร ?
อธิบายได้ดังนี้ครับ คำว่า " ยาแก้อักเสบ " เกิดจากการเรียกชื่อยากลุ่มหนึ่ง แบบตัดคำ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดแบบลูกโซ่ โดยบุคลากรทางการแพทย์จะทราบในใจว่าที่เรียกนั้นหมายถึงยากลุ่มไหน ใช้รักษาอาการอะไร แต่สิ่งที่อยู่ในใจท่าน ผู้ที่มารับการรักษาไม่เข้าใจไปกับท่านด้วย จึงเรียกตาม แบบเข้าใจผิด มาเป็นรุ่นต่อรุ่น อยากรู้มั้ยครับว่าใครเป็นต้นกำเนิดการเรียกชื่อ ยาแบบตัดคำ ผิดความหมาย เป็นคนแรก ผมก็อยากรู้ ถ้าใครรู้ช่วยกรุณาบอกด้วยนะครับ อยากให้รางวัลท่านครับ
อธิบายต่อว่า ทำไมจึงกล่าวเช่นนั้น ?
เพราะคำว่า " ยาแก้อักเสบ " เป็นการเรียก แบบตัดคำ ซึ่งไม่สมควร ของ ยา 2 กลุ่มคือ
1. ยาแก้อักเสบที่...มีสาเหตุจากการติดเชื้อ
2. ยาแก้อักเสบที่...ไม่มีสาเหตุจากการติดเชื้อ
เริ่มเห็นเค้าลาง ของปัญหาที่ผู้หญิงคนนั้นพบหรือยังครับ บางคนยังงง ! คืออย่างนี้ครับ
1.การอักเสบที่...มีสาเหตุจากการติดเชื้อ ก็คือ การอักเสบ ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเป็นสาเหตุ เช่น ต่อมทอนซิลอักเสบ (ทำให้รู้สึกเจ็บคอ) แผล ฝี หนอง เป็นต้น
2.การอักเสบที่...ไม่มีสาเหตุจากการติดเชื้อ ก็คือ การอักเสบ ที่เกิดจากการถูกกระทบ กระแทก อย่างแรง จากอุบัติเหตุ ( เชื้อแบคทีเรียคงไม่เอาไม้หน้าสามไปดักตีท่านหรอกนะครับ ) เช่น ล้มหัวเข่ากระแทกพื้นอย่างแรง ถูกตีด้วยของแข็ง ทำให้เกิดอาการอักเสบ บวม แดง ร้อน เป็นต้น
จากเรื่องที่เล่ามาของผู้หญิงคนนั้น ยาที่ได้รับ คือ อะม๊อกซิซิลลิน ( Amoxicillin ) ขนาด 500 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นยากลุ่ม แก้อักเสบที่...มีสาเหตุจากการติดเชื้อ เช่น ทอนซิลอักเสบ เป็นต้น แต่บุคลากรทางการแพทย์ส่วนใหญ่ (อาจเป็นยีนส์เด่น ) มักจะเรียก แบบตัดคำ ผิดความหมาย เป็น " ยาแก้อักเสบ " แต่หัวเข่า่ของหญิงคนนั้นถูกกระแทกอย่างแรง ทำให้อักเสบ ดังนั้นจึงเป็นการได้รับยาไม่ตรงกับโรค จากผู้จ่ายยาซึ่งไม่น่าจะเป็นเภสัชกร เนื่องจาก ไม่มีหลักในการจ่ายยาที่ถูกต้อง
จึงกลายเป็นเรื่องขำ ขำ แต่ไม่ค่อยขำ สำหรับผู้หญิงคนนั้น
ในทางปฏิบัติ สำหรับผมแล้ว ผมจะหลีกเลี่ยงปัญหาการเรียกชื่อยาแบบตัดคำ โดย
1.ยาแก้อักเสบที่...มีสาเหตุจากการติดเชื้อ ผมจะเรียกว่า " ยาฆ่าเชื้อ "
2.ยาแก้อักเสบที่...ไม่มีสาเหตุจากการติดเชื้อ ผมจะเรียกว่า " ยาแก้ปวดลดอักเสบ "
เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในการใช้ยา ก็หวังว่าสักวัน คงจะมีบุคลากรทางการแพทย์รับเรื่องนี้ไว้พิจารณาบ้าง
ภก.คณิต แพทย์โอสถ
เรื่องมีอยู่ว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอคำปรึกษาเรื่องการใช้ยาที่ร้านขายยาที่ผมปฏิบัติหน้าที่อยู่ เธอได้เล่าว่า ไปซื้อยาที่ร้านขายยาอีกแห่ง ได้รับยามา 1 อย่าง เธอรับประทานยามา 3 วันแล้ว อาการของเธอก็ยังไม่หาย ผมจึงให้เธอเล่าอาการที่เธอเป็นอยู่อย่างละเอียด
เธอเล่าว่า เมื่อ 3 วันที่แล้วขณะที่เธอกำลังตกแต่งบ้าน ข้าวของกระจัดกระจายเต็มบ้าน เธอสะดุดของที่วางอยู่บนพื้นทำให้ล้มลงหัวเข่ากระแทกพื้นอย่างแรง หัวเข่าอักเสบ บวม จึงไปซื้อยาที่ร้านขายยาแห่งหนึ่ง ทางร้านจัด " ยาแก้อักเสบ " โดยจัดให้เธอรับประทาน 5 วัน และนี่ก็เข้าวันที่ 3 แล้ว ทำไมเธอยังไม่หาย และไม่มีอาการดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
อยากรู้มั้ยครับว่า เพราะอะไร ?
อธิบายได้ดังนี้ครับ คำว่า " ยาแก้อักเสบ " เกิดจากการเรียกชื่อยากลุ่มหนึ่ง แบบตัดคำ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดแบบลูกโซ่ โดยบุคลากรทางการแพทย์จะทราบในใจว่าที่เรียกนั้นหมายถึงยากลุ่มไหน ใช้รักษาอาการอะไร แต่สิ่งที่อยู่ในใจท่าน ผู้ที่มารับการรักษาไม่เข้าใจไปกับท่านด้วย จึงเรียกตาม แบบเข้าใจผิด มาเป็นรุ่นต่อรุ่น อยากรู้มั้ยครับว่าใครเป็นต้นกำเนิดการเรียกชื่อ ยาแบบตัดคำ ผิดความหมาย เป็นคนแรก ผมก็อยากรู้ ถ้าใครรู้ช่วยกรุณาบอกด้วยนะครับ อยากให้รางวัลท่านครับ
อธิบายต่อว่า ทำไมจึงกล่าวเช่นนั้น ?
เพราะคำว่า " ยาแก้อักเสบ " เป็นการเรียก แบบตัดคำ ซึ่งไม่สมควร ของ ยา 2 กลุ่มคือ
1. ยาแก้อักเสบที่...มีสาเหตุจากการติดเชื้อ
2. ยาแก้อักเสบที่...ไม่มีสาเหตุจากการติดเชื้อ
เริ่มเห็นเค้าลาง ของปัญหาที่ผู้หญิงคนนั้นพบหรือยังครับ บางคนยังงง ! คืออย่างนี้ครับ
1.การอักเสบที่...มีสาเหตุจากการติดเชื้อ ก็คือ การอักเสบ ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเป็นสาเหตุ เช่น ต่อมทอนซิลอักเสบ (ทำให้รู้สึกเจ็บคอ) แผล ฝี หนอง เป็นต้น
2.การอักเสบที่...ไม่มีสาเหตุจากการติดเชื้อ ก็คือ การอักเสบ ที่เกิดจากการถูกกระทบ กระแทก อย่างแรง จากอุบัติเหตุ ( เชื้อแบคทีเรียคงไม่เอาไม้หน้าสามไปดักตีท่านหรอกนะครับ ) เช่น ล้มหัวเข่ากระแทกพื้นอย่างแรง ถูกตีด้วยของแข็ง ทำให้เกิดอาการอักเสบ บวม แดง ร้อน เป็นต้น
จากเรื่องที่เล่ามาของผู้หญิงคนนั้น ยาที่ได้รับ คือ อะม๊อกซิซิลลิน ( Amoxicillin ) ขนาด 500 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นยากลุ่ม แก้อักเสบที่...มีสาเหตุจากการติดเชื้อ เช่น ทอนซิลอักเสบ เป็นต้น แต่บุคลากรทางการแพทย์ส่วนใหญ่ (อาจเป็นยีนส์เด่น ) มักจะเรียก แบบตัดคำ ผิดความหมาย เป็น " ยาแก้อักเสบ " แต่หัวเข่า่ของหญิงคนนั้นถูกกระแทกอย่างแรง ทำให้อักเสบ ดังนั้นจึงเป็นการได้รับยาไม่ตรงกับโรค จากผู้จ่ายยาซึ่งไม่น่าจะเป็นเภสัชกร เนื่องจาก ไม่มีหลักในการจ่ายยาที่ถูกต้อง
จึงกลายเป็นเรื่องขำ ขำ แต่ไม่ค่อยขำ สำหรับผู้หญิงคนนั้น
ในทางปฏิบัติ สำหรับผมแล้ว ผมจะหลีกเลี่ยงปัญหาการเรียกชื่อยาแบบตัดคำ โดย
1.ยาแก้อักเสบที่...มีสาเหตุจากการติดเชื้อ ผมจะเรียกว่า " ยาฆ่าเชื้อ "
2.ยาแก้อักเสบที่...ไม่มีสาเหตุจากการติดเชื้อ ผมจะเรียกว่า " ยาแก้ปวดลดอักเสบ "
เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในการใช้ยา ก็หวังว่าสักวัน คงจะมีบุคลากรทางการแพทย์รับเรื่องนี้ไว้พิจารณาบ้าง
ภก.คณิต แพทย์โอสถ